แนวข้อสอบวิขาเฉพาะแพทย์


                             แนวข้อสอบวิขาเฉพาะแพทย์ ปี 2555

แนวข้อสอบวิขาเฉพาะแพทย์ ปี 2554
ทพ.สม  สุจีรา  www.Tutorsom.com
          น้องๆที่เคยอ่านบทความเรียนแพทย์ดีอย่างไร  (http://unigang.com/Article/7807)  คงจะเกิดแรงบันดาลใจในการสอบเข้าบ้าง ไม่มากก็น้อย  บทความในวันนี้ จะอธิบายถึง วิชาหนึ่งที่มีน้ำหนักคะแนนสูงที่สุดในการสอบเข้าแพทย์ นั่นก็คือ “วิชาเฉพาะแพทย์”
             คะแนนต่ำสุดในการสอบเข้าแพทย์-ทันตแพทย์ อยู่ที่ประมาณ 59เปอร์เซ็นต์  แต่คะแนนวิชาเฉพาะแพทย์วิชาเดียว มีน้ำหนักถึง 30เปอร์เซ็นต์  เรียกว่า ถ้าน้องทำคะแนนวิชาเฉพาะแพทย์ได้ถึง 25ก็เตรียมรอเป็นนายแพทย์ หรือแพทย์หญิงได้เลย  เพราะไปทำอีกเพียง 34จาก 70คะแนนที่เหลือ ก็ถึงคะแนนขั้นต่ำในการสอบเข้าแล้ว
          ก่อนอื่น น้องต้องเข้าใจว่า คะแนนสอบเข้าแพทย์ ตัดสินกันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 เช่น คะแนนสอบเข้าแพทย์พระมงกุฎฯ ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 58.8158  ถ้าน้องได้  58.8157  น้องจะไม่ติดแพทย์ทันที  ดังนั้น 1คะแนนจากวิชาเฉพาะแพทย์ ได้ง่ายกว่าวิชาอื่น และมีค่าเท่ากับ 1คะแนนจากวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ ซึ่งยากกว่ามาก
            ในสมัยก่อนไม่มีการสอบวิชาเฉพาะแพทย์ ทำให้นักเรียนจากโรงเรียนชั้นนำของประเทศ ยกชั้นกันเข้าไปเรียนแพทย์ได้เกือบทั้งหมด  เมื่อมีการสอบวิชาเฉพาะแพทย์ ช่วยให้นักเรียนจากทุกโรงเรียน มีโอกาสเท่ากัน เพราะวิชานี้ จะวัดความสามารถทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านจริยธรรม  ดังนั้น วิชาเฉพาะแพทย์ จะทำให้นักเรียนที่มีคุณธรรม แต่ผลการเรียนไม่สูงเด่น  มีโอกาสได้เรียนแพทย์มากขึ้น
            ขงเบ้ง เคยกล่าวไว้ว่า “ การศึกษาอดีต ทำให้หยั่งรู้อนาคต “  เรามิอาจคาดหมายได้ว่า ข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ที่กำลังจะสอบกันในต้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เป็นอย่างไร  แต่ เราสามารถวิเคราะห์ได้จาก ข้อสอบปีที่ผ่านมา
          ในปี 2553ก็มีการเก็งข้อสอบจาก ปี 2552 และนักเรียนที่มาเรียนวิชานี้กับผู้เขียน (www.Tutorsom.com)   สามารถทำคะแนนวิชาเฉพาะแพทย์ได้ระหว่าง 20-23คะแนน  ซึ่งถือว่าน่าพึงพอใจ (เฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 17คะแนน) ข้อสอบปีที่แล้ว  แบ่งออกเป็นสามพาร์ท เช่นทุกปี
         พาร์ทแรก จะเป็น การวัดไอคิว  มีข้อสอบทั้งหมด45 ข้อ ให้เวลาทำ 75นาที  เฉลี่ยข้อละนาทีครึ่ง แต่อย่าคิดว่าเวลาพอ เพราะโจทย์แต่ละข้อยาวมากและยาก  นักเรียนมากกว่า 70%ทำไม่ทัน  เหลือคนละห้าหกข้อ  บางคนเหลือถึงสิบข้อ  ส่วนนี้นักเรียนทำคะแนนได้เฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 39%เท่านั้นเอง (ถ้าคิดเป็นสิบคะแนน ก็ได้ 3.9)
           หลังจากทำพาร์ทแรกเสร็จ จะได้พักครึ่งชั่วโมง
        พาร์ทที่สอง  เป็นส่วนวัดจริยธรรม  มีข้อสอบทั้งหมด 79ข้อ ให้เวลาทำ 75นาทีเช่นเดียวกัน  โจทย์จะออกแบบยกเหตุการณ์ตัวอย่างขึ้นมา แล้วให้วิเคราะห์ว่าควรใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินใจ และถ้าเป็นเราจะทำเช่นไร   โจทย์ยาวกว่าในคู่มือมาก และสถานการณ์ทันสมัยกับปัจจุบัน  เช่นป้าคนหนึ่งเปิดร้านขายของ แล้วไม่นานมีห้างใหญ่มาเปิดใกล้ๆ ทำให้แกขาดทุนจนเป็นหนี้สิน  ไม่มีเงินเลี้ยงลูก แกเลยตัดสินใจเข้าไปขโมยของในห้างสรรพสินค้านั้น จงวิเคราะห์เหตุการณ์นี้  โจทย์จะวิเคราะห์มาให้ 10ข้อ  แล้วให้นักเรียนเลือกเรียงอันดับ 1- 4  ที่คิดว่าใช่ ไปฝนในกระดาษคำตอบ  ซึ่งอาจจะดูเหมือนง่าย  แต่การจะเลือก 4จาก 10แล้วฝนคำตอบเรียงลำดับความสำคัญ จาก 1 - 4ถูกต้อง เพื่อให้ได้คะแนนเต็มไม่ง่ายเลย ถ้าไม่มีวิธีคิด  ผู้เขียนซึ่งนอกจากเป็นทันตแพทย์แล้วยังจบมหาบัณทิตทางจิตวิทยาด้วย ทำให้มองโจทย์แนวนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง  ที่สำคัญพาร์ทนี้ นักเรียนทำคะแนนได้ต่ำมาก เฉลี่ยทั้งประเทศ อยู่ที่เพียง 45%หรือ 4.5เต็ม 10  ถ้าน้องทำได้ถึง 8 ก็หายห่วงได้เลย
           หลังจากสอบพาร์ทที่สองเสร็จ จะพักทานอาหารกลางวัน และเข้าห้องสอบอีกครั้ง เวลา 13.30น. เพื่อสอบพาร์ทที่ง่ายที่สุดคือ
          พาร์ทที่สาม คือความคิดเชื่อมโยง  แนวข้อสอบคงไม่ต้องบอกอะไรมาก เพราะเหมือน GATเกือบทั้งหมด  จากนักเรียนที่เข้าสอบประมาณสองหมื่นคน  ทำคะแนนได้เต็มร้อยไปประมาณหนึ่งหมื่นสองพันคน  คะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 87%หรือ 8.7เต็ม 10
           บทความตอนหน้า เราจะมาวิเคราะห์ถึงลักษณะข้อสอบในแต่ละพาร์ทอย่างละเอียดกัน

ไม่มีความคิดเห็น: