บ่วงรักกามเทพ
ข้าวนอกนา
กวินตราเดินออกจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งการที่จะได้เข้ามาศึกษาในสถาบันแห่งนี้ต้องใช้ความพยายามสูงมากถึงมากที่สุด และกวินตราก็ทำได้ วันที่รู้ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย วันนั้นเป็นวันที่หล่อนรู้สึกมีความสุขสมหวังกับสิ่งที่ได้รับมาจากความพยายามของตนเอง
อักษรศาสตร์ คือ สาขาวิชาที่กวินตราเลือกเรียน หล่อนรักที่จะเรียนและศึกษาในด้านนี้ แต่ก็เรียนจบเพียงแค่หลักสูตรชั้นปีที่สองเท่านั้น เพราะเหตุผลอะไรบางอย่างที่กวินตรากำลังเผชิญหน้าอยู่ และหล่อนก็พร้อมที่จะยอมรับมันอย่างเต็มใจ
น้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมา เดินสวนทางต้องหันหน้ามามองหญิงสาวในชุดนักศึกษาเป็นตาเดียวกัน ด้วยความแปลกใจ
กวินตราไม่มีกะจิตกะใจที่จะอายใครหน้าไหนทั้งนั้น ณ ตอนนี้หล่อนหมดสภาพการเป็นนักศึกษาเป็นการชั่วคราว หลังจากที่ตัดสินใจขอพักการเรียนไว้ก่อน
กวินตราไม่รู้ว่าหล่อนจะมีโอกาสได้กลับไปศึกษาต่อหรือเปล่า แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหล่อนคือ “นวล” บุคคลที่เลี้ยงดูหล่อนตั้งแต่แรกเกิดจวบจนกระทั้งปัจจุบันนี้ นั้นเพราะว่ากวินตรากำพร้าพ่อและแม่มาตั้งแต่เกิดด้วยอุบัติเหตุ
นวลตา เป็นพี่สาวคนเดียวของผู้เป็นมารดา และรับภาระในการดูแลทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของกวินตรา
หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกจนหมดแล้วเดินเข้าไปในบ้านเช่าที่พึ่งย้ายมาได้ไม่ถึงเดือน
“อ้าว...ไม่เรียนหนังสงหนังสือหรือไงละฮึ” ผู้หญิงรูปร่างผอมโซอายุย่างห้าสิบปี หันหน้ามามองกวินตราอย่างอดสงสัยไม่ได้
“วันนี้ไม่มีเรียนค่ะ แม่”
“เหรอ...กินอะไรมายังละ”
กวินตราตั้งใจว่าจะรีบเดินเข้าห้องของตัวเองให้เร็วที่สุด แต่เมื่อได้ยินคำถามที่หล่อนคุ้นเคยทำให้ร่างบางหยุดชะงักทันที
“แม่ทานยาแล้วยังค่ะ” กวินตราพูดพร้อมกับมองไปที่ผู้เป็นแม่บุญธรรม สภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนอย่างรวดเร็ว จากคนที่อวบอ้วนกลับกลายเป็นผอมโซ หน้าดำคร่ำเครียด ใบหน้าซีดเผือด ยิ่งมองร่างของคนที่อยู่เบื้องหน้ามากเท่าไหร่ กวินตราก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น
“กินแล้ว...”
นวลตาตอบคำถามโดยที่ไม่มองสบตากวินตรา ทำให้หญิงสาวสงสัยขึ้นมาทันที
และความสงสัยก็หายไป เมื่อกวินตราพบคำตอบ
“แม่ทำไมไม่กินยาค่ะ”
นวลตาหันหน้าหนี มองไปทางอื่นทันที
“แม่ต้องกินยานะค่ะ แม่จะได้หาย” กวินตราพูดพร้อมกับรินน้ำใส่แก้ว แล้วยื่นยาจำนวนนับสิบเม็ดให้มารดา หากแต่อีกฝ่ายปัดมือทิ้ง
“แม่ว่าแม่ไม่กงไม่กินมันแล้ว ยาบ้ายาบอ..อะไรก็ไม่รู้แพงชิบหาย”
“แม่กินยาเถอะนะค่ะ จะได้หายป่วย”
“ลูกหนู...แม่เป็นโรคมะเร็งนะลูก...โรคนี้ใครๆก็รู้ว่ารักษายากขนาดไหน...”
“แต่ก็มีคนที่รักษาจนหายดี” กวินตราแย้ง ยังไงซะหล่อนก็ต้องให้มารดากินยานี้ให้ได้
“เงินเราไม่มีแล้วนะ ลูกหนู.... แม่เองก็แก่แล้ว...ตายไปก็ดีเหมือนกัน...จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ”
กวินตราวางแก้วน้ำลงบนพื้นบ้านเต็มแรง หล่อนให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ร้องให้ โดยเฉพาะร้องให้ต่อหน้าของมารดา แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้
“แม่อย่าพูดอย่างนี้อีกนะค่ะ...หนูไม่ชอบที่แม่พูดแบบนี้เลย..” น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของกวินตราไม่ยอมหยุด หากแต่นวลตากลับนั่งหน้าตาเฉย
“แม่ปลงแล้ว...ลูกหนู...เงินที่เหลืออยู่ลูกหนูเก็บเอาไว้เรียนหนังสือดีกว่านะ”
“ไม่ค่ะ...หนูไม่รงไม่เรียนแล้ว ...มันจะมีประโยชน์อะไรละค่ะหากว่าความสำเร็จของหนูเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีแม่คียงข้าง...”
“ดื้อเหมือนแม่เลยนะเรา” นวลตาส่ายหน้าไปมา
“หนูไปปรึกษาหมอเรียบร้อยแล้ว หมอบอกว่าโรคมะเร็งที่แม่เป็นสามารถรักษาหายได้ เพียงแต่แม่ต้องกินยาตามที่หมอบอก เท่านั้นเอง”
“แล้วลูกหนูถามหมอรึเปล่า ...ค่ารักษากี่แสน”
คำถามของมารดาทำให้กวินตราอึ้ง ก่อนจะรีบตอบออกไป พร้อมกับแสร้งทำหน้าตาสบายๆ
“ก็ไม่กี่แสนหรอกแม่...เรื่องเงินเดี่ยวลูกของแม่คนนี้จะจัดการเอง แม่ไม่ต้องห่วง”
“อย่ามาโกหกแม่เลย ...ลูกหนู..แม่ถามหมอแล้ว ...เห็นว่าเหยียบล้าน” นวลตาส่ายหน้าไปมา
กวินตราโกหกผู้เป็นมารดาไม่ได้เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่หล่อนพลาดอีกจนได้ ตั้งแต่เล็กจนโตทั้งสองคนมีความผูกพันกันมาก จวบจนกระทั้งรู้ใจกันเลยก็ว่าได้
“แม่ค่ะ”
“หือ”
“หนูอยากให้แม่ให้โอกาสหนูได้ตอบแทนบุญคุณของแม่ได้ไหมค่ะ”
“ไม่ต้องมาตอบแทนอะไรแม่หรอก...แค่ลูกหนูเป็นเด็กดี...แม่ก็พอใจแล้ว”
“ไม่ค่ะ...หนูไม่ยอม...ถ้าแม่ไป...หนูก็จะไปด้วย....ชีวิตของหนูอยู่ไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีแม่...
แม่ค่ะ...ถ้าแม่รักหนูจริงแม่ต้องกินยาตามที่หมอสั่ง และแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา หนูจะทำงานหาเงินมารักษาแม่ให้หายดี...นะค่ะแม่ค่ะ...”กวินตราพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
นวลตาประคองกอดกวินตราด้วยความรู้สึกที่สุขใจเป็นที่สุด สำหรับความรู้สึกของคนที่เป็นแม่ จนกระทั้งสายตาเหลือบมองไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่กวินตราใส่ในกระเป๋าถือ
“นี้มันอะไรกัน บอกแม่มาสิ”
นวลตาถามกวินตรา เสียงดุ ซีเรียสอย่างมาก
“หนูดรอบเรียนไว้ก่อน หนูจะออกมาทำงานหาเงินมารักษาแม่ให้หาย”
“ทำไมทำอย่างนี้...”
“แม่ค่ะ สิ่งที่หนูทำลงไป...ทุกสิ่งทุกอย่างหนูทำเพื่อแม่ หนูรักแม่นะค่ะ...และตอนนี้แม่ก็ห้ามหนูไม่ได้แล้วด้วย...เพราะหนูจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ...แม่อย่าโกรธหนูเลยนะค่ะ...”
นวลตา..น้ำตาซึมทันที เธอโอบกอดบุตรีบุญธรรมที่เธอรักสุดดวงใจ เสมือนเป็นลูกของตนเองจริงๆ
นวลตาเลี้ยงดูกวินตราด้วยหัวใจ และผลตอบรับที่ได้กับมาก็คือ หัวใจเช่นกัน
“แม่รีบหายไวไวนะค่ะ หนูจะได้กลับไปเรียนหนังสือให้จบไงค่ะ”
กวินตรายื่นยาให้มารดาอีกครั้ง หล่อนมองดูจนกระทั้งผู้เป็นมารดาดื่มน้ำจนหมดแก้ว จึงยิ้มได้
หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็พูดคุยอะไรต่อมิอะไรมากมาย ตามด้วยเสียงหัวเราะที่ดังเป็นช่วงๆ อย่างสุขใจ
***********************************************************************************
ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งของผู้เป็นมารดาทำให้กวินตราต้องวางแผนการทำงานทั้งคืน เดือนละสองหมื่นกว่าบาทนั้นมากซะเหลือเกิน จนทำให้หล่อนต้องปวดหัวเล็กน้อย หล่อนจะต้องทำงานทั้งกลางวัน และกลางคืน แล้วงานอะไรละที่จะทำแล้วได้เงินมากถึงเพียงนี้
และคนที่ให้คำตอบและช่วยเหลือกวินตราได้ก็ไม่ใช่ใคร ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้นกวินตราก็ออกไปหาคนคนนั้นทันที หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดง่ายๆสบายๆตามที่เคยสวมใส่ยามที่ออกนอกบ้านเป็นประจำ ระหว่างที่เดินนั้นเอง กวินตราหันไปมองเห็นใครคนหนึ่งที่กวินตราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีกำลังวิ่งเหยาะๆออกกำลังกาย
“แม่ค่ะ...ระวังจะเหนื่อยนะค่ะ”
“ไม่หรอก...ถ้าเหนื่อยก็พักสิ ไม่เห็นยากเลย”
น้ำเสียงที่สดใสของมารดาทำให้กวินตรายิ้มอย่างสบายใจ สัญญาที่มารดาพูดไว้เมื่อตอนที่พูดคุยกันนั้น ตอนนี้ท่านได้ทำตามที่พูดไว้แล้ว นั้นคือการดูแลรักษาสุขภาพให้ดีนั้นเอง
“แม่จะรีบหายไวๆ” คำๆนี้ ทำให้กวินตรารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
หญิงสาวโบกมือให้มารดา แล้วเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดที่จะใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้เสียเงิน แม้แต่น้ำที่ใช้ดื่ม กวินตราก็จัดเตรียมมาเรียบร้อย
ร้านเสริมสวยเว้ดดิ้งสตูดิโอขนาดใหญ่ คือจุดหมายปลายทางที่กวินตราตั้งใจมา หญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปในร้านให้เบาที่สุด แต่ยังเบาไม่พอเท่าที่ควร
“อ้ายอีตนใด บังอาจบุกรุกเข้ามายังตำหนักของข้า เจ้าจงเผยตัวออกมาบัดเดี่ยวนี้”
เสียงพูดที่แปล้นๆ ดังขึ้นมา ทำให้กวินตราหยุดชะงักทันที เสียงนี้จะว่าเสียงแหลมเหมือนผู้หญิงก็ไม่ใช่ จะว่าเสียงเข้มเหมือนผู้ชายก็ไม่เชิง เสียงนี้กวินตราจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
“พี่หวาน” กวินตรานำมือมาประกบกัน นิ้วมือทั้งห้าเรียงชิดติดกันอย่างสวยงามเป็นรูปดอกบัว ก่อนจะค่อยๆโน้มศีรษะลงมา
น้ำหวาน มองดูสุภาพสตรีที่กำลังไหว้ทำความเคารพเธออยู่ การไหว้ที่ถูกต้องทุกประการตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยสามารถสื่อวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
น้ำหวานรับไหว้อย่างลวกๆ แล้วค้อนเบาๆให้กับหญิงสาว
“มาทำไมยะ”
นุสบารู้ว่าพี่น้ำหวานยังมีความรู้สึกเคืองเธออยู่ และนุสบาก็เข้าใจถึงความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี
“หนูมาหาพี่ไงค่ะ”
“มาหาฉันเหรอ...มาทำไม”น้ำหวานทำสีหน้าสงสัย พร้อมกับเบ้ปากใส่
หลายต่อหลายครั้งที่น้ำหวานอ้าปากพูดขอร้องให้กวินตราร่วมงานกับเธอ โดยที่ยืนยันว่าการร่วมงานในครั้งนี้ไม่มีผลเสียต่อการเรียนแน่นอน แต่กวินตราก็ปฏิเสธแทบทุกครั้งไป
“พี่หวาน...หนูขอโทษ...”กวินตรายกมือไหว้ขอโทษ
“จะมาขอโทษฉันทำไม...มันเป็นสิทธิ์ของเธอนี้หนา ฉันเองก็ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอซะหน่อย” น้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ระคนกับตัดพ้อน้อยใจไปพร้อมๆกัน
“ฉันมีธุระ...” น้ำหวานไล่กวินตราอ้อมๆนั้นเอง แต่กวินตราไม่ไปไหนทั้งสิ้น
“พี่หวานจะไปไหนค่ะ”
“ก็ไป.......เธอจะถามทำไม...”น้ำหวานอ้าปากจะพูด...แต่ก็คิดได้ซะก่อน
“หนูไปด้วยได้ไหมค่ะ” กวินตราเดินมาสองมือจับที่แขนของน้ำหวานเบาๆ
“ไปทำไม”
“ก็ไปทำอะไรก็ได้ แล้วแต่พี่หวาน” คำพูดของกวินตราทำให้น้ำหวานหันหน้ามามองสบตาหน้าของหญิงสาวด้วยความรู้สึกฉงน...สงสัย...
“สายเกินไปหรือเปล่าค่ะ ถ้า..ถ้าหนูจะขอทำงานร่วมกับพี่น้ำหวาน”
น้ำหวานแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น แต่ก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้เช่นเคย
“คิดว่าตัวเองสวยหรือไง...ดูซิ..หน้าตาบ้านๆอย่างเธอมีอยู่ถมเถไปตามท้องถนน”
“เหรอค่ะ...”นุสบาสีหน้าเศร้าทันที หล่อนไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ถูกสาวประเภทสองรุ่นใหญ่ติเตียนเรื่องความงาม แต่ที่หล่อนเสียใจนั้นคือการพลาดงาน พลาดเงินจากพี่น้ำหวาน
นุสบาคิดถึงผู้หญิงที่รอหล่อนอยู่ที่บ้านทันที หล่อนจะหางานที่ไหนทำแล้วได้เงินมากพอที่จะรักษามารดาจากโรคร้ายได้ หญิงสาวยกมือไหว้ลา ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านอย่างช้าๆ
“จะไปไหน กวินตรา”
“ไปหางานทำสิค่ะ”
“อ้าว..ไหนเธอบอกว่าจะทำงานกับฉันไงละ..กลับกลอกนี้หนา”
นุสบาหันหน้ามามองสบตาพี่น้ำหวานอีกครั้ง ตาที่แดงก่ำเหมือนคนที่จะร้องให้ทำให้น้ำหวานสงสัยทันที
“พี่ล้อเล่น เรื่องอะไรจะยอมเสียช้างเผือกเชือกงาม...”
นุสบายิ้มออกมาทันที หากแต่ยิ้มคราวนี้เป็นยิ้มที่ปนไปกับน้ำตา
“ฉันดีใจมากเลยรู้ไหม...กวินตรา..ที่หนูยอมเป็นเด็กของฉัน...เพราะเท่าที่ฉันประสบพบเจอ ไม่เคยพบเห็นสตรีนางใดงามเท่าหนูเลยซักคนเดียว”
กวินตรายิ้มอย่างดีใจ หล่อนสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ว่าแต่...พี่รู้สึกแปลกๆ...ปกติหนูรักเรียนจะตายไป...แต่ทำไมถึง....”
กวินตราเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้พี่น้ำหวานฟัง ซึ่งเรื่องที่กวินตราเล่านั้นทำให้คนที่ได้รับฟังอึ้งไปเลยทีเดียว
“เดี่ยวพี่จะช่วยหนูเอง ว่าแต่ตอนนี้พร้อมที่จะทำงานแล้วยัง”
“พร้อมค่ะ” กวินตรายิ้ม ชูสองนิ้วทำหน้าเด็กๆ
“ถ้าพร้อมแล้ว...ตามพี่มา”
น้ำหวานขับรถพากวินตรามาถึงบ้านเพื่อพบใครคนหนึ่ง
น้ำหวานขออนุญาตนวลตาเพื่อพากวินตราออกต่างจังหวัดเพื่อไปทำงาน ซึ่งนวลตาไม่ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะมั่นใจในตัวของน้ำหวานว่าสามารถดูแลปกป้องบุตรีของตนได้เป็นอย่างดี
“ขอให้ได้ที่หนึ่งนะลูก...”
“ขอบคุณค่ะแม่”
กวินตรายิ้มรับ เพียงแค่หล่อนเห็นมารดาหน้าตาสดใส ไม่คิดมากเหมือนเมื่อก่อน หล่อนก็รู้สึกสบายใจมากถึงมากที่สุด
ตอนที่ 2
“โฉมเอยโฉมงาม อร่ามแท้แลตลึง ได้ยลครั้งหนึ่ง กระจ่างซึ้งตรึงใจ” เสียงเพลงรีวิวประกอบการเดินโชว์ตัวในรอบสุดท้ายของการประกวดนางสาวนครราชสีมา ซึ่งตอนนี้ทางคณะกรรมการคัดเลือกนางงามเหลือเพียงแค่สิบคนสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกวินตราอยู่ด้วย สร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับพี่เลี้ยงนางงามที่ชื่อน้ำหวานเป็นอย่างมาก
“เก่งมาก..กวินตรา”
น้ำหวานชมทันทีที่กวินตราลงมาจากเวทีพร้อมกับกวาดสายตาไปตามร่างระหงของหญิงสาวในชุดไทยจักรีสีเหลืองทองตัดกับเครื่องประดับซึ่งเป็นนิลสีเหลืองครบชุด ทั้งสร้อยคอ ต่างหู กำไลข้อมือ และแหวน ที่ผ่านการออกแบบให้อยู่บนเรือนร่างที่สวยสดงดงามอร่ามตา...ทั้งความงามและราคาอันสูงลิบของมัน
“พี่หวาน...หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
กวินตราพูดพร้อมกับรีบถอดเครื่องประดับราคาแพงส่งให้เจ้าของทันที
“รอบต่อไปแสดงความสามารถพิเศษ...พี่หวานจะให้วินใส่ชุดอะไรหรือค่ะ” กวินตราพูดไป พร้อมกับถอดชุดไทยไปด้วย
“วิน...ถ้าพี่จะให้วินใส่ชุดนี้...วินจะว่าอะไรพี่ไหม”
น้ำหวานพูดพร้อมกับโชว์ชุดๆหนึ่งที่ออกแบบจากวัสดุสิ่งของเหลือใช้นำกลับมารีไซเคิล
กวินตรามองไปที่ชุดนั้น มันออกแบบได้สวยงามมากทีเดียวแต่ติดตรงที่ชุดดังกล่าวค่อนข้างเว้าหน้าเว้าหลังซะหน่อยเท่านั้นเอง
หญิงสาวพยักหน้าตกลงทันที ในเวลานี้หล่อนไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากหาเงินมารักษาโรคร้ายของมารดาให้หายดีเป็นอันใช่ได้
กวินตราทึ่งในความเป็นมืออาชีพของน้ำหวานซะเหลือเกิน จากทรงผมที่ถูกเกล้าขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับชุดไทย แต่ไม่ถึงห้านาทีทรงผมของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นอีกทรง ซึ่งเข้ากันกับชุดที่ใส่อยู่อย่างเหมาะเจาะ
“เสร็จละ...ไหนหันหน้ามาให้ดูหน่อยสิ”
กวินตราหันหน้าไปหาน้ำหวาน เพื่อทำการระบายสีสันลงไป แป๊บเดียวก็เสร็จเรียบร้อย
“สวยจังเลยพี่หวาน” กวินตราเผลอปากชมตัวเองขึ้นมา ทำให้น้ำหวานยิ้มทันที
“วินหมายถึงชุดและทรงผมค่ะที่สวย”
“ถ้าคนใส่ไม่สวยชุดนี้ก็เน่านะค่ะ” น้ำหวานชมกวินตราซึ่งๆหน้า
กวินตรายิ้ม ก่อนจะเตรียมตัวขึ้นไปบนเวทีเพื่อแสดงความสามารถพิเศษ
ในรอบนี้สาวงามที่ผ่านเข้ารอบแต่ละคนต่างงัดกลเม็ดที่มีอยู่ในตัวออกมาพิชิตใจคณะกรรมการอย่างเต็มความสามารถ การแสดงของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไปสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ได้รับชมกันอย่างเนืองแน่น
จนกระทั้งถึงคราของกวินตรา หญิงสาวเลือกที่จะแต่งกลอนสด...โดยให้คณะกรรมการคิดหัวข้อเกี่ยวกับกลอนโดยที่กวินตราไม่รับรู้มาล่วงหน้ามาก่อน
น้ำเสียงที่อ่อนหวาน การออกเสียงสำเนียงและสื่ออารมณ์ตามจังหวะการร้องกลอนสด ทั้งน้ำเสียง ลีลาท่าทาง และเนื้อหาของกลอน สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าชมการประกวดอย่างมาก
และกวินตราก็ทำสำเร็จ ตำแหน่งนางสาวนครราชสีมาประจำปีนี้ตกเป็นของหล่อน และรางวัลพิเศษอีกถึงสองรางวัลด้วยกัน นั้นก็คือ ตำแหน่งขวัญใจประชาชน และ การแสดงยอดเยี่ยม
“วินดีใจที่สุดเลยละคะ พี่หวาน...เงินรางวัลวินจะนำไปรักษาแม่ให้หายจากโรคบ้านั้นซะที”
กวินตราได้รับเงินจากการประกวดนางงามในครั้งนี้เป็นเงินที่มากพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอที่จะเป็นค่ารักษาอยู่ดี แต่ยังไงหล่อนก็ต้องรักษาแม่ให้หายดีให้ได้
หลังจากนั้นกวินตราก็ออกเดินสายประกวดนางงามพร้อมกับน้ำหวาน รวมทั้งเด็กในสังกัดของน้ำหวานอีกหลายสิบคน ทั้งชายหนุ่ม และสาวประเภทสอง
กวินตราเข้าร่วมประกวดความงามเฉพาะเวทีที่ไม่หวือหวามากเกินไปเท่านั้น และทุกเวทีหล่อนมักจะได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับไปด้วยเสมอ
กวินตรายิ้มอย่างสุขใจยามที่ได้มองเห็นมารดามีอาการดีขึ้นๆทุกวันอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั้งเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายนั้นก็คือการผ่าตัดนั้นเอง ซึ่งถ้าผลการรักษาเป็นไปด้วยดี มารดาของหล่อนก็จะหายดี
แต่ที่น่าหนักใจนั้นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการผ่าตัด...ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนสูงมากพอสมควร
แต่แล้วสวรรค์ก็เห็นใจหล่อน น้ำหวานจัดการออกค่าใช้จ่ายให้กับกวินตราก่อน โดยให้กวินตราหาเงินจ่ายเธอในภายหลังเป็นงวดๆไป ซึ่งการได้รับความช่วยเหลือจากน้ำหวาน สร้างความรู้สึกทราบซึ่งในน้ำใจเป็นที่สุด
*********************************************************************.
ตอนที่ 3
วันนี้น้ำหวานพากวินตราออกมาเดินซื้อของที่ตลาดไนท์ถนนคนเดิน ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายเครื่องอุปโภคบริโภค ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของมีจำนวนมากพอสมควร ทำให้กวินตราเดินไม่ค่อยสะดวกนัก กวินตราเดินมาจนถึงร้านขายหนังสือมือสองร้านหนึ่ง ซึ่งมีหนังสือจำนวนมากพอสมควร หล่อนก็ตัดสินใจขอตัวแยกกันเดินกับน้ำหวาน เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับตัวอักษรที่ร้อยเรียงได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
หญิงสาวเลือกหนังสือที่ถูกใจได้สามสี่เล่ม และเท่านี้คงไม่พอแน่นอนจึงอ่านและคัดเลือกหนังสือไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ่องมองอยู่เป็นนานแสนนาน
กวินตรารีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับขาก้าวหนีทันที เมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งลงข้างๆเธอแบบแนบชิด
“สวัสดีครับ คุณกวินตรา”
กวินตราก้าวขาถอยหลังทันที ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงรู้จักชื่อหล่อนด้วย แต่สัญชาติญาณหญิงบอกหล่อนว่าผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาผู้หญิงล้วนมีสิ่งที่ต้องการแอบแฝงอยู่แน่นอน
“ทำไมต้องปลอมตัวด้วย”
กวินตราไม่ตอบเขา จริงอย่างที่เขาพูด หล่อนพยายามแต่งตัวให้ดูคล้ายผู้ชายมากที่สุด เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เธอแต่งตัวตามปกติ มักเป็นเป้าสายตาเต็มไปหมดเสมือนว่าหล่อนเป็นดารายังไงยังงัน
“+
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น